สนธิกำลัง! บุกจับโรงงาน ไม้พะยูง มูลค่ากว่า 100 ล้าน

นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผวจ.ฉะเชิงเทรา สนธิกำลังร่วมกับ พล.ต.พิชิต ฟูฟุ้ง ผบ.พล.ร. 11 พร้อมด้วย นายเดชา ใจยะ ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา นายธวัชชัย วิจิตรวงษ์ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารรวม 100 นาย แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 405 ม.12 บ้านหนองอีโถน ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หลังสืบทราบว่า เป็นแหล่งแปรรูปไม้พะยูงรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ เมื่อไปถึงจุดเป้าหมาย กำลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมทางเข้าออกทุกด้านเรียบร้อย จึงเข้าตรวจสอบ ไม่พบว่ามีใครอยู่ในบ้านหรือบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบเพียงกองไม้พะยูงขนาดความยาวประมาณ 4-5 เมตรแปรรูปแล้วจำนวนกว่า 100 ท่อน อยู่ด้านหลังบ้านพัก นอกจากนี้กำลังอีกส่วนหนึ่งแยกย้ายกันตรวจสอบภายในอาคารโรงเรือนอีก 2 หลัง และในบ้านที่ปลูกอยู่ใกล้กัน 1 หลัง พบไม้พะยูงแปรรูปแล้วความยาวประมาณ 3-4 เมตร รวมกันอีกกว่า 200 ท่อน นอกจากนี้ยังพบไม้สักไม้พะยูง ไม้แดงและไม้ยาง แปรรูปแล้วอีกจำนวน 225 แผ่น วางอยู่ที่พื้นในโรงเรือนโดยมีกระสอบปิดทับเอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังช่วยกันขนย้ายออกมากองรวมกันไว้ นอกจากนี้ยังพบเลื่อยยนต์ จำนวน 2 เครื่อง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ไม่พบเอกสารใดๆ เกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานแปรรูปไม้แต่อย่างใด พบเพียงบิลชำระค่าไฟฟ้า ระบุชื่อนายอภิชาต อุณหเลขกะ เป็นเจ้าของบ้าน เพียง 1 ใบเท่านั้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีแก่นไม้และปีกไม้พะยูง ไม้สัก ไม้แดง ซึ่งแปรรูปแล้ว หมกอยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ด้านข้างโรงเรือนอีกจำนวนหนึ่ง จึงระดมกำลังทหารและป่าไม้ ลงไปงมขุดขึ้นมากองรวมกันไว้ จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่ด้านใน ห่างจากบ้านพักประมาณ 500 เมตร พบไม้พะยูงยืนต้นอายุประมาณ 20-30 ปีปลูกอยู่หนาแน่น ในพื้นที่ 50 ไร่ รวมทั้งตอไม้พะยูงที่เพิ่งถูกตัดใหม่ๆ เหลือแต่ตอประมาณ 30 ตอ

นายธวัชชัย วิจิตรวงษ์ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) เปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปคือ ต้องสืบทราบให้ได้ว่า พื้นที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์ประเภทใด ใครเป็นเจ้าของ ซึ่งจะต้องเชิญมาสอบปากคำรายละเอียด และไม้ที่แปรรูปแล้วทั้งหมดดูจากแก่นหรือวงปี จะมีอายุประมาณ 20-30 ปี และจะทำการตรวจยึดเอาไว้ ส่วนป่าไม้พะยูงในพื้นที่ 50 ไร่ก็ต้องทำการอายัดไว้ก่อน จนกว่าจะมีเจ้าของที่ดินนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมายืนยัน โดยเฉพาะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ไม้พะยูงที่แปรรูปแล้วนั้น เป็นไม้จากป่าที่อยู่ด้านหลังที่ดินผืนนี้หรือไม้ แต่เท่าที่ดูไม่น่าจะทั้งหมด เพราะจำนวนไม้พะยูงที่แปรรูปแล้ว มีมากกว่า 300 ท่อน ขณะที่พบตอของไม้ในป่าที่ถูกตัดเพียง 30 ตอเท่านั้น ซึ่งต้องตรวจสอบเอกลักษณ์ไม้แก่นกลางที่พบแต่ละท่อน เชื่อว่าโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานแปรรูปไม้ที่ผิดกฎหมาย และเป็นศูนย์กลางการแปรรูปไม้พะยูงแหล่งใหญ่ ก่อนนำส่งขายยังแหล่งรับซื้อ คือ ประเทศจีน โดยขนส่งทางเรือที่ท่าเรือแหลมฉบังแน่นอน ซึ่งประเมินราคาในประเทศประมาณ 10 ล้านบาท หากนำขายยังต่างประเทศจะมีมูลค่าราว 100 ล้านบาท

เบื้องต้น ได้แจ้งข้อกล่าวหา ตาม มาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ว่า มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีไม้พะยูงไว้ในความครอบครองโดยไม่มีค่าภาคหลวง และ ประกอบกิจการโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้าน นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เป็นการสนธิกำลังปฎิบัติตามคำสั่งของ คสช. ในการระดมกวาดล้างปราบปรามจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า หรือทรัพยากรธรรมชาติ โดยคดีนี้ถือว่าเป็นผู้ค้าไม้รายใหญ่ รายสำคัญ ที่ลักลอบตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นไม้หวงห้ามทั้งหมด จากการตรวจสอบพบมีการสร้างรั้วรอบขอบชิดมั่นคง ปิดบังและห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในเด็ดขาด และโรงงานแห่งนี้ น่าจะมีคนงานมากกว่า 20 คนขึ้นไปมาทำงาน ส่วนไม้แปรรูปที่ตรวจยึดนั้น น่าเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากเขาดิน และเขาน้ำหยดที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก โดยขบวนการตัดโค่นไม้พะยูงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้สามารถจับกุมได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง และจากการตรวจสอบไม้พะยูงที่ยึดได้ บางต้นมีความยาว 5 เมตร ซึ่งหมายความว่าหากไม่ได้มาจากป่าในพื้นที่นี้ มาจากที่ใด เพราะการขนย้ายลำเลียงต้องใช้รถยนต์ขนาดใหญ่และคนจำนวนมาก ซึ่งความยาวขนาดนี้นั้น สามารถขนขึ้นรถยนต์ตู้คอนเทนเนอร์ได้ตู้ละหลายสิบท่อน โดยมีเส้นทางขนย้ายและปลายทางคือประเทศจีนตามที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้พูดถึง