postsnook - วาไรตี้ ข่าวสาร สาระบันเทิง ลงโฆษณาฟรี สมัครสมาชิก | เข้าสู่ระบบ   Check Page Rank
postsnook   พื้นที่ลงโฆษณา
หน้าแรก » สุขภาพ » น้ำเต้าหู้ มีทั้งประโยชน์และโทษ
น้ำเต้าหู้ มีทั้งประโยชน์และโทษ
โพสต์เมื่อ 6 กรกฎาคม 2557 08:34:05 น. เข้าชม 1251 ครั้ง

น้ำเต้าหู้

นานมาแล้วที่เรารับรู้แต่ว่า “น้ำเต้าหู้” มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่วันนี้มีข้อมูลการวิจัยใหม่พบว่า “น้ำเต้าหู้” ดื่มมากจะกระตุ้นมะเร็ง

หลายปีที่ผ่านมามีการแนะนำให้คนไทยดื่มน้ำเต้าหู้ เนื่องจากในน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเทียบเท่านม แต่บำรุงสุขภาพได้มากกว่านม อีกทั้งร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90%

ในน้ำเต้าหู้ปริมาณ100มิลลิลิตร มีโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก1.8กรัม ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เซเลเนียม วิตามินA , E , B1 , B2กรดอะมิโน18ชนิด และธาตุเหล็กที่มีมากกว่านมถึง1.6เท่า

การดื่มน้ำเต้าหู้สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม โดยสำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือFDAยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและอาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง25กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ในน้ำเต้าหู้ยังมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง

แต่เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณมากเกินไปจะเป็นผลเสียต่อร่างกาย โดยDr.Lita LeeและThe Weston A. Price Foundation in Washington, DC USAมีผลวิจัยไปในทิศทางเดียวกันว่า การกินโปรตีนถั่วเหลืองผง30ซีซี ทุกวัน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน

ด้านWeston A. Price Foundationเปิดเผยว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลือง ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นหมัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เนื่องจากกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลือง ทำให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า 'ไลซิโน อะลานีน' และสารก่อมะเร็งชื่อว่า 'ไนโตรซามีน' นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการทำงานของต่อมธัยรอยด์ในคนที่กินถั่วเหลืองพบว่า ต่อมธัยรอยด์ถูกกดการทำงานและมีคอพอกในหลายงานวิจัย อีกทั้งถั่วเหลืองมีสารที่ทำให้โปรตีนจับตัวกันเป็นก้อน ที่เรียกว่าHemagglutininทำให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจับกันเป็นก้อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดเสียไป

ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการ ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "Nutritional Health Handbook for Women" แนะนำว่า "การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี ถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ30กรัม จึงจะเหมาะสมที่สุด"

TAG : น้ำเต้าหู้,
แจ้งลบ
พื้นที่ลงโฆษณา
 
ข่าวที่เกียวข้อง »
20 เมนูสับปะรด จับทำอาหารเพื่อสุขภาพหน้าตาเย้ายวน   20 เมนูสับปะรด จับทำอาหารเพื่อสุขภาพหน้าตาเย้ายวน
อย่านิ่งนอนใจ เลือดกำเดาไหลในเด็ก   อย่านิ่งนอนใจ เลือดกำเดาไหลในเด็ก
ไข่สุดยอดอาหารเช้า   ไข่สุดยอดอาหารเช้า
สะเดา สมุนไพรรสขม ยาดีที่ควรมีไว้ใกล้ตัว   สะเดา สมุนไพรรสขม ยาดีที่ควรมีไว้ใกล้ตัว
สุดยอดผัก แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ   สุดยอดผัก แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ
ดอกอัญชัน สมุนไพรบำรุงสายตา ดูแลเส้นผมให้เงางาม   ดอกอัญชัน สมุนไพรบำรุงสายตา ดูแลเส้นผมให้เงางาม
พริก ลดความอ้วนได้จริงหรือ   พริก ลดความอ้วนได้จริงหรือ
ชา 4 ชนิดที่ช่วยลดน้ำหนักได้   ชา 4 ชนิดที่ช่วยลดน้ำหนักได้
เคล็ดลับการกินอาหารไม่ให้อ้วน   เคล็ดลับการกินอาหารไม่ให้อ้วน
สัญญาณเตือนภัยที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม   สัญญาณเตือนภัยที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
postsnook  
Copyright © 2012 postsnook All right reserved
นโยบายการให้บริการ ติดต่อลงโฆษณา ติดต่อเรา เว็บเพื่อนบ้าน
ทำเว็บราคาถูก