postsnook
- วาไรตี้ ข่าวสาร สาระบันเทิง ลงโฆษณาฟรี
สมัครสมาชิก
|
เข้าสู่ระบบ
ข่าวสาร
ข่าว Hot Hit ติดกระแส
ข่าวบันเทิง ซุปซิปดารา
ข่าวกีฬา ฟุตบอล
ข่าวเศรษฐกิจ สังคม
วาไรตี้
วาไรตี้
ดูหนัง
ดูละคร
ดูดวง
คลิปวีดีโอ
ฟังเพลง
เล่นเกมส์
แกลเลอรี่ อัลบั้มภาพ
ไลฟ์สไตล์
ผู้หญิง
ผู้ชาย
วัยรุ่น
ไอที เกมส์
ยานยนต์
สุขภาพ
ท่องเที่ยว
ร้านอาหาร
บริการ
หาเพื่อน หาแฟน หากิ๊ก
หางาน ตำแหน่งงานว่าง
ลงประกาศซื้อ-ขายสินค้าฟรี
ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
เว็บบอร์ด
หน้าแรก
»
ผู้ชาย
» 15 ความจริงของการจูบ ที่รู้แล้วจะอึ้ง
15 ความจริงของการจูบ ที่รู้แล้วจะอึ้ง
โพสต์เมื่อ 29 สิงหาคม 2557 19:09:28 น. เข้าชม 1237 ครั้ง
จูบ เป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างหนึ่ง ที่เชื่ออยู่แล้วล่ะว่า หนุ่ม ๆ ชอบแสดงความรักแบบนี้ต่อแฟนสาวใช่ไหมล่ะครับ สำหรับใครที่ชอบแสดงความรักด้วยการจูบ ก็ควรจะต้องรู้จักการจูบให้มากขึ้น เพื่อให้หญิงคนรักพึงพอใจยามที่ริมฝีปากประกบกัน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจูบมาฝากด้วย เชื่อเถอะว่าหลายคนยังไม่เคยรู้เรื่องราวเหล่านี้แน่ ๆ เลย ไม่แน่นะว่า หากรู้แล้วคุณอาจจะรู้สึกอึ้งไปเลยก็ได้
สไตล์การจูบเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
หากสังเกตฉากจูบในหนัง ในรูปเขียนศิลปะ รูปปั้น หรือแม้แต่ตัวคุณเอง จะสังเกตได้ว่าเวลาจูบหัวมักจะเอียงไปทางด้านขวา ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เป็นเพราะตั้งแต่พวกเราอยู่ในครรภ์แม่ เราก็เอียงหัวไปทางขวากันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
จูบคือการบริการกล้ามเนื้อ
การจูบหนึ่งครั้ง ต้องใช้กล้ามเนื้อกว่า 146 มัด โดยแบ่งเป็นกล้ามเนื้อที่หน้า 34 มัด และ กล้ามเนื้อเพื่อรักษาท่าทางของร่างกาย 112 มัด โดยได้มีการทดลองให้คน 2 คนมาจูบแล้วดูผ่านเครื่อง MRI จะเห็นว่ามีการใช้กล้ามเนื้อรอบ ๆ ปากขณะจูบด้วย จะว่าไปการจูบก็เหมือนการออกกำลังกายให้ใบหน้าเหมือนกันนะ
การจูบมาจากหนู
ในยุคโบราณมีสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายหนูที่มีชื่อว่า Eomaia พวกมันจะจูบคู่ผสมพันธุ์ด้วยการเอาจมูกถู ๆ กัน เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า พวกมันมีความปรารถนาในเรื่องเพศ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยแห่งโตเกียวเชื่อว่า การจูบของคนเราสืบทอดมาจากเจ้าหนูเหล่านี้แหละ เพราะลักษณะทางพันธุกรรมของคนและหนูมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ
สัญลักษณ์แทนจูบมีตั้งแต่ยุคกลาง
วัยรุ่นหลายคนคงสงสัย ว่าทำไมฝรั่งชอบเขียนคำว่า XOXO เป็นการแสดงความรักใคร่ให้แก่คนรัก ทว่าความจริงแล้วจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงยุคกลาง ที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ พวกเขาก็มักจะใช้สัญลักษณ์ "X" เพื่อแทนการจูบ จากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงไปบนเอกสารหรือจดหมายนั้น ๆ เพื่อแสดงถึงความจริงใจให้แก่คนรับ
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 สั่งห้ามจูบ
ในวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1439 พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 แห่งอังกฤษได้สั่งห้ามไม่ให้มีการจูบเกิดขึ้น โดยถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งเหตุผลที่ทำก็คือ เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรคในอังกฤษในสมัยนั้นนั่นเอง
ห้ามจูบบนทางรถไฟฝรั่งเศส
อย่าว่าแต่อังกฤษอย่างเดียวที่เคยแบนการจูบ แต่ในประเทศฝรั่งเศสช่วงปี 1910 ก็เคยมีการประกาศห้ามจูบกันบนทางรถไฟมาแล้ว เนื่องจากมันจะทำให้เกิดความล่าช้าน่ะสิ
โชคลาภมาจากการจูบหิน
ในทุก ๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 4 แสนคนจะมาจูบลงบนหินบลาร์นีย์ (ฺBlarney Stone) ที่ประเทศไอร์แลนด์ จนที่นี่ถูกขนานนามว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ถูกสุขอนามัยที่สุดในโลก ซึ่งผู้คนต่างมีความเชื่อว่า หากคุณงอตัวจนไปจูบบนหินได้ คุณก็จะมีโชค กลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านการพูด ใครที่กำลังอยากจะพูดเก่ง พูดแล้วใคร ๆ ก็เชื่อถือ ก็ลองเดินทางไปที่ปราสาทบลาร์นีย์ได้นะครับ
การจูบมีชื่อวิทยาศาสตร์
รู้ไหมว่าการจูบก็มีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ โดยมีชื่อที่เรียกว่า Philematology ส่วนใครก็ตามที่ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับการจูบ จะถูกเรียกว่า Osculologist โอ้โห … ล้ำลึกใช่เล่น
ฉากจูบในหนังเคยโดนแบน
หนังที่มีฉากจูบสุดคลาสสิกอย่าง Titanic หรือหนังเรื่องอื่น เช่น Spiderman, Gone With The Wind หรือ Casablanca เกือบจะไม่ได้มีให้ได้เห็นกันแล้ว เพราะในช่วงปี 1930 กลุ่มผู้ตรวจพิจารณาภาพยนตร์ได้ห้ามไม่ให้นักแสดงฮอลลีวูดแสดงฉากจูบ (จูบแบบนอนตัวประกบกัน) เช่นเดียวกัน การจูบแบบธรรมดา (ยืนจูบหรือนั่งจูบ) ในหนังก็ห้ามนานเกิน 3 วินาทีด้วยนะ แต่โชคดีที่การแบนนี้ได้ถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อช่วงยุค 60
คู่รักคนไทยจูบนานที่สุด
การจูบที่นานที่สุดและถูกบันทึกโดย กินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด คือการจูบของนายเอกชัยกับนางลักษณา ติรณะรัต ซึ่งเป็นคนไทยบ้านเรานี่เอง โดยถูกบันทึกไว้ว่า ใช้เวลาการจูบนานถึง 58 ชั่วโมง 35 นาที กับอีก 58 วินาที แหม … คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ
คนอิตาลีชอบจูบดูดดื่ม
จากสถิติพบว่า ผู้คนกว่า 56 เปอร์เซ็นต์จากทั่วโลก ไม่ค่อยได้มีการจูบแบบดูดดื่มกันมากเท่าไร แต่คนอิตาลีกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ทำการจูบแบบดูดดื่มหลายครั้งต่อสัปดาห์เลยแหละ ไม่แปลกใจเลยที่ใคร ๆ ก็พูดว่า หนุ่มสาวอิตาลีนั้นช่างโรแมนติกยิ่งนัก
จูบทำให้อายุยืน
ข้อนี้คุณผู้ชายพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะจากผลการค้นคว้าพบว่า ผู้ชายที่จูบภรรยาตัวเองก่อนไปทำงานตอนเช้า จะมีอายุยืนยาวมากกว่าชายที่ไม่ได้จูบภรรยามากถึง 5 ปีเลยทีเดียวเชียว
ใช้เวลาจูบทั้งชีวิตเฉลี่ย 2 สัปดาห์
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเผยว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะใช้เวลาจูบทั้งชีวิตเพียง 20,160 นาทีหรือประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง
ชายจูบหญิงเฉลี่ย 16 คนก่อนหารักแท้
หนุ่ม ๆ รู้ไว้เลยนะครับว่า เฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะจูบผู้ชายประมาณ 15 คนก่อนที่เธอจะรู้สึกอยากตามหาอยากเจอชายในฝัน แต่ค่าเฉลี่ยของผู้ชายจะจูบผู้หญิงกว่า 16 คนก่อนจะอยากเจอรักแท้กับหญิงในฝัน แหม … มากกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย
การจูบมีประโยชน์ต่อร่างกาย
รู้หรือไม่ว่า การจูบสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้ด้วย โดยควรจะจูบให้นานกว่า 2-3 นาทีถึงจะได้ผลดี นอกจากนี้การจูบยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรงขึ้น ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยเนอะ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับความจริงของการจูบที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ คงทำให้หลายคนทึ่งไปไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่า หนุ่ม ๆ คนไหนที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักต่อแฟนสาวนัก ก็ลองจูบเธอสักวันละนิดวันละหน่อย ให้เธอรู้สึกดี แถมยังดีต่อสุขภาพของคุณด้วยนะ
TAG :
การจูบ
,
แจ้งลบ
ข่าวที่เกียวข้อง
»
8 น้ำหอมผู้ชายท็อปฮิตตัวพ่อ ฉีดแล้วสาวติดตรึม
10 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณช่วยตัวเองมากเกินไปแล้ว
เมื่อหนุ่มเปลือยกาย เขาอยากได้ยินอะไรจากปากคุณ
ชวนหนุ่ม ๆ คืนผิวสดใสด้วยพลังจากธรรมชาติ
6 สิ่งในตัวผู้ชายที่ผู้หญิงมองว่าเซ็กซี่
ประเภทของชั้นในชาย ที่หนุ่ม ๆ อาจยังไม่รู้
ข้อดีของการช่วยตัวเองที่หนุ่ม ๆ ควรรู้
15 ความจริงของการจูบ ที่รู้แล้วจะอึ้ง
คำถามที่ผู้ชายสงสัย แต่ผู้หญิงไม่เคยตอบ
6 เรื่องความสัมพันธ์ที่หนุ่ม ๆ ไม่ควรเล่าให้เพื่อนฟัง
Copyright © 2012 postsnook All right reserved
นโยบายการให้บริการ
ติดต่อลงโฆษณา
ติดต่อเรา
เว็บเพื่อนบ้าน
ทำเว็บราคาถูก