ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) นัดหารือแนวทางโต้แย้งสู้คดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยให้ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาถอดถอน ซึ่งประธาน สนช.นัดหารือวาระพิเศษวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยใช้ข้อบังคับการประชุม สนช.2557 ข้อที่ 149 บรรจุเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งแกนนำพรรคมั่นใจมีข้อกฎหมายสู้คดีดังกล่าวแล้ว พท.โวมีทีเด็ดสู้คดีถอดถอน“ปู” โดยนายพิชิต ชื่นบาน หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมว่า ทีมกฎหมายของพรรคจะหารือกันวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมข้อกฎหมายและข้อมูลไว้โต้แย้งกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.อ้างข้อบังคับการประชุม สนช.ข้อที่ 149 บรรจุเรื่องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นวาระเร่งด่วน ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ซึ่งขณะนี้เตรียมข้อกฎหมายไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อดใจรอฟังแถลงวันจันทร์นี้ “การประชุมหารือของฝ่ายกฎหมายวันที่1 พ.ย.นี้จะให้ทีมกฎหมายทุกคนแสดงความคิดเห็นเสนอข้อกฎหมายที่จะนำไปโต้แย้งชี้แจงอย่างเต็มที่ หากผมเปิดเผยอะไรไปก่อน ก็เหมือนทุกคนในทีมกฎหมายต้องทำตามคำพูดของผม จึงไม่อยากพูดอะไรก่อน ข้อมูลตรงนี้ต้องรอจังหวะเปิดเผย แต่ไม่ใช่หลังประชุมเสร็จก็เปิดเลย อย่างช้าอาจเป็นวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน อดใจรอไว้ก่อน”นายพิชิต กล่าว “วรชัย”ซัดพวกกุข่าวเชือดนาย ขณะที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)กล่าวว่า ช่วงนี้เกิดข่าวแปลกเกินความจริงหลายเรื่อง อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถูกทางการจีนจับกุมตัว หรือกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออกมาแถลงผลตรวจสอบสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐ ที่ตัวเลขความเสียหายเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาแบบไม่น่าเชื่อจาก 10% เป็น 70% แบบนี้แสดงว่าข้าวเสียหายในยุคพล.อ.ประยุทธ์มากกว่า แต่มีความพยายามโยนให้รัฐบาลชุดก่อน ที่องค์กรอิสระ และฝ่ายนิติบัญญัติจ้องเล่นงาน ต้องการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากเส้นทางการเมืองให้ได้ เตือนรบ.อย่าเดินซ้ำรอยปฎิวัติ49 “แต่ผมเชื่อว่าประชาชนจะเห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะขณะนี้กระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จ อีกทั้ง ไม่มีกฎหมายให้ดำเนินการได้ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกไปแล้ว ขอเตือนผู้มีอำนาจขณะนี้อย่าเดินตามรอยปฏิวัติ 2549 ที่กระเหี้ยนกระหือรือจ้องจัดการอีกฝ่าย เพราะทุกอย่างจะซ้ำเดิม ยึดอำนาจเสียของ”นายวรชัยกล่าว “ยรรยง”ซัดสรุปผลตรวจสต๊อกมั่ว ด้านนายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ออกมาตั้งข้อสังเกตกรณีรัฐบาลแถลงผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวที่พบข้าวในสต็อกได้มาตรฐานเพียงร้อยละ 10 เป็นข้าวคุณภาพต่ำเกินร้อยละ 70 โดยมีข้าวเสื่อม ร้อยละ 4-5 ว่า เป็นข้อสรุปที่ไม่ชัดเจนและผิดพลาด คลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง เนื่องจากการรับจำนำข้าวจากประชาชนกว่า 40 ล้านตัน เป็นเรื่องยากที่จะหาข้าวราคาถูกมาสวมสิทธิ์ และขั้นตอนรับจำนำข้าวก็มีการตรวจสอบ อีกทั้ง เจ้าของโรงสีต้องรับผิดชอบคุณภาพข้าวที่จะส่งให้โกดัง เจ้าของโกดังก็ต้องรับผิดชอบหากรับข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานเข้าโกดัง และรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ตั้งคณะอนุกรรมการมาคอยตรวจสอบสต๊อกข้าวเชิงคุณภาพเป็นประจำ ซึ่งได้รายงานผลการตรวจสอบเป็นระยะ โดยระบุว่ามีข้าวที่คุณภาพไม่ดีและข้าวเสื่อมเพียงเล็กน้อย ชี้พิรุธผู้นำพูดคลุมเครือกะชี้นำมีโกง นายยรรยงกล่าวยังตั้งข้อสังเกตกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เคยเปิดเผยถึงผลตรวจสต๊อกข้าวช่วงวันที่ 1สิงหาคมช่วงที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวไปกว่าร้อยละ 72 ว่า มีข้าวดีและถูกต้องประมาณร้อยละ 80 แต่เมื่อผลสรุปสุดท้ายระบุมีข้าวไม่ได้มาตรฐานร้อยละ 70 จึงพออนุมานได้ว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงหลังตรวจสอบพบมีข้าวหายจากบัญชีน้อยมากประมาณ 100,000 ตัน สวนทางกับข้อเท็จจริงที่พรรคประชาธิปัตย์ ป.ป.ช. และนักวิชาการที่โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีข้าวหาย 2-3 ล้านตัน “การแถลงในภาพรวมแบบคลุมเครือ น่าจะทำเพื่อชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมีการทุจริต ทำให้ข้าวคุณภาพต่ำ มีการปลอมปนข้าวจำนวนมหาศาล แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า ข้าวไม่ได้มาตรการลักษณะใด เช่น มีการปลอมปน มีสิ่งเจือปน มีสี หรือกลิ่น หรือลักษณะทางกายภาพอย่างไร มีสาเหตุจากทุจริต หรือเป็นตามธรรมชาติ หรือสุดวิสัย นอกจากนี้ ข้อสรุปที่ว่า ข้าวขาดหายไปจากคลังประมาณ 1 แสนตัน เพราะคณะอนุกรรมการตรวจสอบของ คสช.ไม่สามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องปริมาณข้าวได้ เนื่องจากสามารถตรวจนับจำนวน และน้ำหนักข้าวได้ในแต่ละโกดัง อีกทั้งข้าวที่ขาดหายไปจำนวนประมาณ 1 แสนตันนั้น ส่วนใหญ่ตรวจสอบพบ และดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว”นายยรรยงกล่าว อ้างตลาดข้าวมั่นใจคุณภาพข้าวไทย อดีตรมช.พาณิชย์ ยังระบุด้วยว่า วงการค้าข้าวเชื่อมั่นคุณภาพข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวที่รับจำนำมา ช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการระบายข้าวทั้งเปิดประมูลทั่วไป ขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และผ่านตลาดล่วงหน้า (เอเฟตท์) ส่งมอบไปแล้วกว่า 15 ล้านตัน ก็ไม่มีการโต้แย้งว่าข้าวรัฐบาลไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้ง หลังคสช.ยึดอำนาจก็มีการเปิดประมูลขายข้าวแล้ว 3 ครั้ง ก็มีผู้มาร่วมประมูลจำนวนมากทุกครั้ง แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวที่รับจำนำ และราคาข้าวไทยในตลาดโลก โดยเฉพาะข้าวสารเจ้า 5% สูงกว่าของอินเดียประมาณตันละ 20 เหรียญสหรัฐ 6พย.รู้รับไม่รับถอด“นิคม-ขุนค้อน” ส่วนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงการประชุม สนช.วันที่ 6 พฤศจิกายน เพื่อพิจารณาเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาว่า เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา หากที่ประชุมมีมติรับเรื่องไว้ ก็ต้องพิจารณาตามกระบวนการ โดยตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาเพื่อเชิญผู้ถูกกล่าวหา และกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้กล่าวหามาตอบข้อซักถาม คาดว่าจะใช้เวลาอย่างช้าไม่เกิน 45 วัน จากนั้นจะนำกลับเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ เพื่อลงมติถอดถอนหรือไม่ต่อไป แต่หากไม่รับเรื่องก็ตกไป และถือเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ กปปส.ฮึ่มสนช.เมินถอดถอนเจอกัน นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การชุมนุมของ กปปส.ถึงการถอนถอดนายสมศักดิ์ และนายนิคม รวมถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องมายัง สนช. เพื่อพิจารณาถอดถอนแล้ว แต่มีสมาชิก สนช.บางส่วนเห็นว่า สนช.ไม่มีอำนาจรับเรื่องของนายสมศักดิ์และนายนิคมไว้พิจารณาถอดถอน เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยตั้งข้อสังเกต สนช.ส่วนนี้ ทำไมมีท่าทีเหมือนเกรงกลัวกลุ่มการเมืองใช่หรือไม่ พร้อมกับเรียกร้องให้สนช.จริงใจและเปิดเผย โดยขอให้การประชุมถอดถอนวันที่ 6 พฤศจิกายนไม่ให้มีการประชุมลับ และถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์วิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 สถานีวิทยุรัฐสภา และสถานีโทรทัศน์รัฐสภา “ยืนยันว่า สนช.มีอำนาจหน้าที่ถอดถอนนักการเมืองที่มีอำนาจอยู่ในสมัยรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ หากสนช.ไม่รับถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมไว้พิจารณา โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจ สนช.ต้องเผชิญหน้ากับมวลมหาประชาชนแน่นอน ผมจะยื่นเรื่องถอดถอนตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ตามมาตรา 6” นายถาวรกล่าว ซัดพวกป้องปูอย่าคิดแบบศรีธนญชัย สำหรับการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สนช.นัดหารือกันนัดพิเศษวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่มีสนช.บางคนเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะมอบหมายให้รัฐบาลคนอื่นไปทำหน้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)นั้น นายถาวรกล่าวว่า เป็นความคิดของคนที่ไม่ลงลึกถึงการตรวจสอบพยานหลักฐานในการไต่สวนของป.ป.ช. การนั่งหัวโต๊ะประชุมเป็นเรื่องกายภาพ แต่เราต้องยึดอำนาจความเป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นหลัก ทั้งนี้ การคิดว่าเรื่องการนั่งหัวโต๊ะนั้นเป็นความคิดแบบศรีธนญชัย เพื่อที่ไม่ต้องการรับผิดชอบทางกฎหมายคือ ไม่กล้าลงมติถอดถอน หรือรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ปปช.เล็งสอบข้าวหายรวมจีทูจี วันเดียวกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ส่งรายละเอียดข้อมูลหลักฐานการตรวจสต๊อกข้าวที่มีข้าวหายจากโกดังในโครงการรับจำนำข้าว 1 แสนตันมาให้ป.ป.ช. ถ้าได้รับเรื่องแล้วจะนัดประชุมทันที ซึ่งแนวทางตรวจสอบเบื้องต้น ป.ป.ช. จะนำประเด็นข้าวที่สูญหายพิจารณารวมกับประเด็นทุจริตขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่ยังพิจารณาไม่เสร็จว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ คงไม่แยกเป็นสำนวนคดีใหม่ สำหรับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะขออนุมัติจากป.ป.ช.เพื่อระบายข้าวในโกดังที่เหลือนั้น ยังไม่มีการหารือเข้ามา แต่ป.ป.ช.จะเร่งตรวจสอบ โดยพิจารณาว่า ข้าวส่วนใดมีปัญหาเกี่ยวกับการทุจริตหรือไม่ หากเกี่ยวก็ต้องอายัดไว้ แต่ในส่วนที่ไม่มีปัญหารัฐบาลสามารถระบายออกไปได้ |